กาวP11 ซีการ์ด พี 11
กาวอิพ็อคซี่ เพื่ออุดร่องยาแนวรอยต่อและยึดติด
ปริมาณน้ำหนัก กระป๋อง A 4.5กก. กระป๋องB 4.5กก.
คุณสมบัติ
- กาวอิพ็อคซี่ 2 ส่วนประกอบที่ไม่มีตัวทำละลาย
- ใช้อุดร่อง ยาแนวรอยต่อของแผ่นไม้ ลำตัวเรือไม้ และเรือประมง
- อุดร่องทั่วไปและร่องที่มีขนาดใหญ่ อุดรอยต่อไม้ ไม้เทียม แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ (ควรใช้วัสดุรองรอยต่อสำหรับรอยต่อขนาดใหญ่)
- ใช้ล็อคน๊อตและสกรู
- ซ่อมรู รอยร้าว และพื้นผิวที่เสียหาย
- การยึดติดแผ่นกระเบื้อง โมเสค พื้นตกแต่ง และวัสดุที่หลากหลาย
คำอธิบายผลิตภัณฑ์
ซีการ์ดพี 11 เป็นกาวอิพ็อคซี่ ชนิด 2 ส่วนประกอบที่มีอัตราส่วนผสม 1:1 ไม่มีตัวละลาย มีสูตรพิเศษสำหรับเชื่อมรอยต่อและอุดช่องว่างของไม้ และแผ่นไม้ สำหรับเรือ และเรือประมง เหมาะสมกับงานเชื่อมต่อ กันรั่วซึมและยึดติดไม้จริง ไม้เทียม เซรามิค หิน ใช้ยึดติด สกรู น๊อต เครื่องมือ ใช้ซ่อมแซมความเสียหายของคอนกรีต ปูน ฉาบ ไม้ พื้น ให้การยึดเกาะตัวดี ทนต่อสารเคมีและน้ำอย่างดีเลิศ
ซีการ์ดพี 11 ได้รวมเอาคุณสมบัติของกาวและวัสดุอุดช่องว่างเข้าไว้ด้วยกัน มีความหนืดที่เหมาะสมไม่ไหลย้อย ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับยึดรอยต่อและเติมเต็มช่องว่างขนาดกว้าง ให้ผิวที่เรียบและขัดแต่งด้วยกระดาษทรายได้ง่าย ขณะแห้งตัวมีการหดตัวน้อยมาก เมื่อแห้งตัวแล้วจะมีเนื้อแน่น แข็งแรง ทนต่อความชื้นและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเป็นเลิศ ทาสีทับได้ง่ายหลังจากแห้งตัวแล้ว
การใช้งานและข้อได้เปรียบ
ซีการ์ดพี 11 เหมาะสมกับงานยืดติดที่ต้องการความแข็งแรงสูง เพื่ออุดรอยต่อของเรือไม้ และเรือประมง ให้รอยต่อที่สมบูรณ์แบบสำหรับรอยต่อหรือช่องว่างขนาดใหญ่ ซึ่งมีความชื้นสูงและมีการขยายตัวสูง เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงในช่วงกว้าง
ผลิตภัณฑ์มีสูตรพิเศษที่ใช่อิพ็อคซี่เรซินชนิดเกรดสูงและสารช่วยแห้งตัวชนิดไซโคลอะลิเฟติค เอมีน ที่ได้รับการปรับสภาพแล้ว มีความยืดหยุ่นตัวได้เล็กน้อย แต่ยังคงมีความแข็งแรงสูง ทนต่อความชื้นและอุณหภูมิได้ดี มีความหนืดเหมาะสมจึงไม่ไหลย้อย แต่ปาดแต่งได้ง่ายเบามือจึงทำให้เกิดผลผลิตสูงและใช้ค่าแรงคนงานต่ำ
ซีการ์ดพี 11 ใช้อุดช่องว่างและยาแนวรอยต่อในอุตสาหกรรมทั่วไป งานก่อสร้าง สามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง เพื่อติดตั้งแผ่นกระเบื้องกับวัสดุที่เหมือนกันและต่างกัน เช่น เซรามิค หิน หินอ่อน แกรนิต หินตกแต่ง แผ่น GRP และแผ่นวัสดุที่มีความแข็งแรงอื่นๆ
ซีการ์ดพี 11 แห้งตัวในอัตราปานกลางและง่ายในการผสมด้วยมือ โดยใช้อัตราส่วน 1:1 โดยน้ำหนัก ส่วนประกอบทั้งสองมีสีแตกต่างกัน จึงสังเกตได้ง่ายว่าผสมเข้ากันได้ดีหรือยัง ทนต่อการขัดสี แรงกระแทก ทนต่อกรด ด่างหลายชนิด และทนต่อสารเคมีในอุตสาหกรรม
ข้อได้เปรียบ
- ไม่มีตัวทำละลาย จึงมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายน้อย
- ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ทักษะมากในการใช้งาน
- แห้งตัวช้า จึงทีเวลาทำงานนาน
- มีความแข็งแรงสูง
- ต้นทุนต่ำ ค่าบำรุงรักษาต่ำ
- ไม่มีตัวทำละลาย จึงบรรจุในถังพลาสติกได้ ถังพลาสติกนำไปใช้ต่อได้จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คุณสมบัติ
ส่วน A: อิพ็อคซี่เรซิ่น
ลักษณะทางกายภาพ ของเหลวหนืดคล้ายยาสีฟัน
สี ขาว
กลิ มีกลิ่นอ่อนๆ
ความถ่วงจำเพาะ 1.60.05
ถ้าสัมผัสผิวให้เช็ดออกและล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาด
ส่วน B: ตัวทำให้แข็งตัว
ลักษณะทางกายภาพ ของเหลวหนืดคล้ายยาสีฟัน
สี ขาวหม่น ถึง เหลืองอ่อน
กลิ่น มีกลิ่นอ่อน
ความถ่วงจำเพาะ 1.860.05
หลังจากผสมแล้ว (A:B =1:1 โดยน้ำหนัก)
ระยะเวลาแปรสภาพเป็นเจล 30 นาที ณ อุณหภูมิห้อง
ระยะเวลาเกิดฟิล์มบางๆ 5-6 ชั่วโมง
ระยะเวลาแห้งตัวจนรับภาระต่ำๆ ได้ 24 ชั่วโมง ณ อุณหภูมิห้อง
หมายเหตุ: ระยะเวลาเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้ตามลักษณะการใช้งาน ความชื้น และอุณหภูมิของอากาศ
ระยะเวลาแห้งตัวจนรับภาระสูงสุดได้ 7 วัน
ความแข็ง ชอร์ D 80 หลังจาก 15 วัน
ความเค้นแรงอัด 39-43 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร ณ 1 วัน
63-72 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร ณ 7 วัน
ความเค้นแรงดึง (ASTM D 638) 17-20 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร ณ 7 วัน
ความเค้นในการยึดติด 20-21 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร ณ 1 วัน (เสียหายที่คอนกรีตไม่ใช่กาว)
(Slant Shear Test) 28-30 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร ณ 7 วัน(เสียหายที่แท่งคอนกรีต)
เทคนิคในการใช้งาน
- อัตราส่วนผสมระหว่างส่วน AและB = 1:1 โดยน้ำหนัก
- ผสมปริมาณน้อยโดยใช้เกรียง อย่างน้อย 3-5 นาที จนสีของทั้ง 2 ส่วนประกอบเป็นเนื้อเดียวกัน
- ผสมปริมาณมากโดยใช้ใบกวนติดสว่านไฟฟ้า ใช้ความเร็วต่ำ อย่างน้อย 5 นาที จนเห็นเป็นเนื้อเดียวกัน
- จะต้องใช้งานกาวให้หมดก่อนกาวเปลี่ยนสภาพเป็นเจล
- ถ้าเก็บผลิตภัณฑ์ไว้นานจะต้องงกวนแต่ละส่วนประกอบแยกกัน เพื่อป้องกันการตกตะกอนที่ก้นภาชนะบรรจุ
- หลังจากการใช้งาน ปิดฝาภาชนะบรรจุให้แน่น เพื่อป้องกันความชื้นและส่วนผสมบางส่วนระเหยออกจากภาชนะบรรจุ
- เช็ดทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนจากการสัมผัสกาวส่วนหนึ่งไปยังอีกส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันการแห้งตัวโดยไม่ตั้งใจหรือป้องกันการผสมผิดอัตราส่วน
วิธีการใช้งาน
1. พื้นผิวที่จะสัมผัสกาวจะต้องสะอาดแห้งและสภาพแข็งแรง ขจัดฝุ่น น้ำมัน ไขมัน และสิ่งสกปรกทั้งหมดออกจากพื้นผิว
2. สำหรับงานเรือไม้ ให้อุดด้วยด้ายหมันลงในช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ให้แน่น โดยให้เหลือความลึกที่เหมาะสม (ถ้าความกว้างรอยต่อไม่เกิน 10 มม. ให้ใช้ความลึกรอยต่อเท่ากับความกว้าง) ห้ามจุ่มด้วยหมันลงในน้ำมัน สี หรือสารละลายใดๆ เพราะจะทำให้กาวไม่เกาะตัวกับแผ่นไม้ เพื่อให้กาวเกาะตัวดีเป็นพิเศษกับไม้ ให้รองพื้นด้วยไม้ แอดการ์ด WC 31 โดยทาบางๆ เพื่อให้ซึมลงในเนื้อไม้ และก่อตัวเป็นฟิล์มบางๆ เคลือบเนื้อไม้
3. ผสมกาวทั้ง 2 ส่วนให้เข้ากัน (ดูเทคนิคการใช้งาน)
4. สำหรับงานยึดติดทั่วไป ใช้เกรียงฟันขนาด 2-3 มม. ปาดกาวที่ผสมแล้วให้ทั่วพื้นผิวในปริมาณที่เหมาะสม แล้วนำวัสดุที่จะยึดติดกับพื้นผิววางบนกาว แล้วกดให้สัมผัสกับกาวอย่างสมบูรณ์
5. สำหรับงานยาแนวรอยต่อของเรือไม้ หรือรอยต่ออื่นๆ ให้ใช้เกรียงปาดกาวลงในช่องว่างรอยต่อให้เต็ม และปาดด้านบนของรอยต่อให้เรียบสวยงาม
6. แกะเทปปิดข้างรอยต่อเพื่อกันเปื้อนออกก่อนที่กาวจะมีสภาพเป็นเจล เช็ดล้างเครื่องมือหลังใช้งานทันทีด้วยทินเนอร์ A1
7. จะต้องใช้งานกาวให้เสร็จก่อนที่จะแปรสภาพเป็นเจลโดยมรเวลาประมาณ 30 นาที
ข้อจำกัด
ห้ามใช้ยึดติดพลาสติกชนิด PE PP PTFE และพลาสติกอื่นบางชนิด ให้ทดสอบการยึดติดก่อนใช้งานจริง อย่าใช้งานกาวบนพื้นผิวที่เปียก ถ้าจำเป็นต้องใช้งานบนพื้นผิวที่เปียกหรือคอนกรีตใหม่ ให้รองพื้นด้วย แอดการ์ด ฟลอริ่ง ไพร เมอร์ SW ก่อน
การเก็บรักษา
เก็บกาวในที่แห้งและเย็น อายุการเก็บรักษา 12 เดือนในบรรจุภัณฑ์ที่ยังไม่เปิดใช้งาน นับจากวันที่ผลิต
ความปลอดภัย
ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของอิพ็อคซี่เรซิน และ สารทำให้แห้งตัวชนิดโพลีเอมีน จึงอาจระคายเคืองมากต่อดวงตาและผิวหนัง ระวังอย่าให้กาวเข้าตาและสัมผัสผิวหนังเป็นเวลานาน ถ้าสัมผัสผิวหนังให้เช็ดออกและล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาด ถ้าเข้าตาให้ล้างตาโดยเปิดน้ำสะอาดผ่านตาแล้วพบแพทย์
|
|
|
|
Post : 2017-02-05 10:42:48.0
ขอทราบราคาครับ